ผู้ว่าฯ กยท.ตีปี๊บ 22 ก.ย. 68 ฯ เปิดปฏิบัติกวาดล้างยางเถื่อน เครือข่ายข้ามชาติ หลัง ‘ธรรมนัส’ คัมแบ็กเก้าอี้รัฐมนตรีเกษตรฯ ควบรองนายกฯ ย้ำรอบนี้จัดหนักแน่นอน พร้อมขยายผลพลอยได้นำยางเถื่อน คดีสิ้นสุดแล้ว มากลั่นเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ทดลองใช้กับเครื่องตัดหญ้า ได้ผลดี

ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  จากที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้กลับมาบริหารกระทรวงเกษตรฯ ทาง กยท.จึงได้มีการเรียกผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมด่วน ในวันที่ 22 กันยายน 2568 เพื่อเข้ามาประชุมมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับความคืบหน้านโยบายปราบยางเถื่อนจะกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้มั่นใจว่ายางเถื่อนต้องหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย  

“การปราบปรามครั้งนี้จะทำให้ราคายางพารากลับมามีเสถียรภาพ หากราคาขยับขึ้นเพียง 1 บาทต่อกิโลกรัม ประเทศไทยจะมีรายได้เพิ่มราว 5,000 ล้านบาท และหากมาตรการใหม่เดินหน้าอย่างเข้มข้น เชื่อมั่นว่าราคายางจะมีเสถียรภาพมากขึ้น”

นายเพิก กล่าวว่า การปราบปรามที่จับต้องได้จริง ไม่ได้เป็นเพียงมาตรการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างสมดุลและเสถียรภาพให้กับราคายางในระยะยาว ยกระดับรายได้ให้กับพี่น้องชาวสวนยาง และสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวมต่อไป ขอให้เกษตรกรมั่นใจว่าการจัดการยางพาราของไทยจะเดินหน้าไปในทิศทางที่โปร่งใสและยั่งยืน นอกจากนี้ยางที่ยึดได้นำมากลั่นเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง และได้ทดลองใช้กับเครื่องตัดหญ้าแล้วได้ผลดี และนี่เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ ที่เห็นว่า กยท.ไม่ได้หยุดนิ่ง

อย่างไรก็ดี ในปี 2566 แม้จะพบความเสียหายจากยางเถื่อนกว่า 8,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะหลักฐานไม่รัดกุม จึงถอดบทเรียนในอดีตปรับกฎหมาย ระเบียบ และประกาศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย ขจัดข้อบกพร่องที่เคยทำให้การดำเนินคดีสะดุด ที่ได้สร้างความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี จึงเป็นที่มาในการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ “พญานาคราช” เพื่อบูรณาการทหาร ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงเข้ามาร่วมดำเนินการอย่างจริงจัง ที่จะกวาดล้างยางเถื่อนให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ