|
 
 
 
วันที่ / Date 10/10/2568
52.70 บาท/กก. (THB/Kg.)
 
วันที่ / Date 09/10/2568
1,325.00 USD/MT (@ B/USD)
  •   กยท.ประเมินสถานการณ์ราคายางของไทย มั่นใจต้นปี 69 พุ่งแตะ 3 หลัก new

นายเพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ประเมินสถานการณ์ราคายางพารา ในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า แนวโน้มที่ราคายางจะขยับขึ้นทะลุ 100 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจัยหนุนต่างๆ


โดยสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) ได้คาดการณ์ปริมาณการผลิตยางโลกในปี 2568 อยู่ที่ 14.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีที่ผ่านมา แม้ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ ซึ่งในปีนี้้คาดว่า ความต้องการใช้ยางอยู่ที่ 15.6 ล้านตันเพิ่มขึ้น 1.3% จากปีที่ผ่านมา มากกว่าปริมาณการผลิตประมาณ 700,000 ตัน 


ทั้งนี้ เนื่องจากการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศจีน และอินเดีย ทำให้ความต้องการยางธรรมชาติจากทั้ง 2 ประเทศ เพิ่มขึ้น 2.5% และ 3.4% ตามลำดับ เมื่อความปริมาณความต้องการใช้ยางหรืออุปสงค์ (Demand) มากกว่าปริมาณการผลิตยาง หรืออุปทาน (Supply) ราคายางในปีนี้ก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกทางการตลาด


โดยประเทศไทยยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกยางสูงสุดประมาณ 4.25 ล้านตัน รองลงมาเป็นเวียดนาม  2.01 ล้านตัน และอินโดนีเซีย 1.69 ล้านตันตามลำดับ


ในปี 2567 สามารถขายยางได้ คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ล้านบาท ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าสิ้นปี 2568 มูลค่าการขายยางของไทยโดยรวม จะไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน


พร้อมทั้งได้ผลักดันให้มีการนำราคาอ้างอิงยางพาราของประเทศไทยไปใช้ในการซื้อขาย เพราะเป็นราคาที่สะท้อนต้นทุน และสถานการณ์ที่แท้จริงจากตลาดซื้อขายยางกว่า  600 ตลาดทั่วประเทศไทย ต่างจากราคาอ้างอิงจากตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าของต่างประเทศ ที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง


รักษาการผู้ว่า กยท.ระบุด้วยว่า สำหรับการบริหารจัดการยางตามกลไกทางการตลาด จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จะต้องไม่มียางนอกระบบ หรือยางเถื่อนเข้ามาในประเทศ ซึ่งในปีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขับเคลื่อน และสานต่อนโยบายทำสงครามกับการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อน รวมถึงยางพาราด้วย 



โดยมีการทบทวน ปรับปรุงกฎหมาย ประกาศ และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อุดช่องโหว่ในทุกๆ ด้าน ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการในเชิงรุก เพิ่มความเข้มข้นในการปราบปราม ไม่เฉพาะการลักลอบนำเข้ายางเท่านั้น แต่จะดำเนินการปราบปรามลักลอบส่งออกยางโดยไม่เสียภาษีด้วย พร้อมทั้งได้เพิ่มบทลงโทษให้ผู้ลักลอบนำเข้า-ส่งออกยางพาราที่หนักขึ้น และถ้าผิดจริงจะมีการยึดทรัพย์ โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ด้วย 


นอกจากนี้ กยท.จะเร่งออกโฉนดต้นยางให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้ายางเถื่อนตามแนวชายแดนได้อย่างครอบคลุม เพราะโฉนดต้นยางจะทำให้สามารถระบุพิกัดที่ตั้งของต้นยาง ปริมาณผลผลิต และเจ้าของได้อย่างแม่นยำ    



ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ ยังได้ออกประกาศเขตควบคุมยาง โดยกำหนดให้การเคลื่อนย้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่ติดประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องจัดทำรายงานการซื้อขายยาง และขออนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งจะป้องกันการลักลอบนำเข้ายางมาสวมสิทธิ์แหล่งที่มาของยาง ทำให้การบริหารจัดการยางภายในประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรชาวสวนยาง และสร้างเสถียร ภาพราคายางอย่างยั่งยืน


รักษาการผู้ว่าฯ กยท.ระบุด้วยว่า มาตรการงดกรีดยาง 1 เดือนในเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะทำให้ราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะทำให้ปริมาณยางหายไปจากตลาดประมาณ 200,000 ตัน ประกอบกับในช่วงนี้เป็นฤดูฝนจะกรีดยางได้ลดลง เมื่อปริมาณยางมีน้อย จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นตามกลไกการตลาด


ขณะเดียวกัน กยท.ยังนำโครงการชะลอการขายยางมาใช้ เป็นอีกมาตรการหนึ่งในการควบคุมปริมาณผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ตลาดให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ยาง คาดว่าจะสามารถดูดซับปริมาณยางได้อีกประมาณ 200,000 ตัน โดย กยท.จะนำไปผลิตเป็นยางแท่ง STR ลดความผันผวนด้านราคา ทำให้ราคายางพารามีเสถียรภาพ


นอกจากนี้ มาตรการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมประสานกับทุกหน่วยงานราชการให้ใช้ยางล้อมาตรฐานระดับโลก แบรนด์ “Greenergy Tyre” ของ กยท.ในการเปลี่ยนยางล้อรถยนต์ราชการเมื่อครบอายุการใช้งาน คาดว่าจะเริ่มส่งยางล้อให้ได้ภายในปลายปีนี้



รวมทั้งยังเตรียมลงนามความร่วมมือ (MOU) กับกรมชลประทาน นำท่อยางพาราไปใช้ระบบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้ กยท.มีเทคโนโลยีการผลิตท่อยางที่ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อใช้ในการส่งน้ำทดแทนการส่งน้ำแทนการใช้คลองส่งน้ำ โดยสร้างเป็นโครงข่ายบริหารจัดการน้ำ เพื่อส่งน้ำให้ถึงแปลงเกษตรกร หรือโรงงานอุตสาหกรรม  


สำหรับมาตรการที่สหภาพยุโรปจะบังคับใช้กฎหมาย EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) จะเป็นปัจจัยบวกอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้ราคายางของไทยเพิ่มสูงขึ้น EUDR กฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปที่ห้ามนำเข้าสินค้าที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า


รักษาการผู้ว่า กยท.กล่าวต่อว่า กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันทำให้หลายประเทศอาจจะนำกฎหมายในลักษณะเดียวกันกับ EUDR มาบังคับใช้ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อยางพาราของไทย เพราะประเทศที่ต้องการส่งสินค้าและผลิตภัณฑ์จากยางไปจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรป หรือประเทศที่บังคับใช้กฎหมายในลักษณะเดียวกันมาบังคับใช้ ต้องซื้อยางพาราจากประเทศไทยเท่านั้น โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกยางพาราที่ใหญ่ที่สุดของไทยประมาณปีละ 2-3 ล้านตัน  จากความต้องการใช้ยางพาราของจีนปีละประมาณ 7 ล้านตัน 



“ราคายางในปัจจุบัน มีเสถียรภาพมากขึ้น มีการปรับตัวขึ้นบ้างลงบ้าง เป็นไปตามกลไกการตลาด ผมเข้ามาบริหาร กยท.ตั้งแต่เป็นประธานบอร์ด กยท.จนมาดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.ในปัจจุบัน ราคายางไม่เคยต่ำกว่าราคาก่อนที่ผมจะเข้ามาบริหาร คือ ราคาก้อนถ้วยไม่เคยต่ำกว่า 18 บาทต่อกิโลกรัม ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ไม่เคยต่ำกว่า 49  บาทต่อกิโลกรัม และที่สำคัญเป็นราคาที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ยางมากขึ้น ซึ่งหากราคายางเป็นไปตามกลไกการตลาดที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงแล้ว ราคายางในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้ามีแนวโน้มที่สดใสอย่างแน่นอน" นายเพิก กล่าวและว่า


ในปี 2567 ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 (FOB กรุงเทพฯ) เคยไต่ระดับขึ้นเกือบทะลุเลข 3 หลัก หรือกิโลกรัมละกว่า 100 บาท  ซึ่งในช่วงนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนที่จะพ้นตำแหน่งไป ครั้งนี้ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้นโยบายและมาตรการเกี่ยวกับยางที่ดำเนินการอยู่แล้วขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่องยิ่งขึ้น คาดว่าโอกาสที่ราคายางจะทะลุเลข 3 หลักต่อกิโลกรัมอีกครั้ง ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569 จึงมีความเป็นไปได้สูงอย่างแน่นอน



ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

Update :  17 กันยายน 2568     เวลา : 16:15:16 น.
 

สมาคมน้ำยางข้นไทย
60 ถ.โชติวิทยะกุล 3 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
Tel. 0 7455 9508 , 09 5065 2772
E-mail tla.latex@gmail.com, contact@tla-latex.org

ระบบจัดการข้อมูล | ระบบเช็คอีเมล์
Copyright 2006. www.tla-latex.org All rights reserved.
Powered by ME-FI dot com