สมาพันธ์สวนยางฯ ร่อนจดหมายเปิดผนึกด่วนที่สุด ถามรัฐมนตรีเกษตรฯ ถึงข้อกังวลเร่งด่วนเกี่ยวกับการนำเข้ายางธรรมชาติและน้ำยางข้นสูตรเฉพาะจากต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย และนโยบายยางพาราของรัฐบาล
ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ส่งจดหมายเปิดผนึกด่วนที่สุดถึงนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องข้อกังวลเร่งด่วนเกี่ยวกับการนำเข้ายางธรรมชาติ น้ำยางข้นสูตรเฉพาะจากต่างประเทศ ของผู้ประกอบการไทย และนโยบายยางพาราของรัฐบาล โดยเนื้อหาในหนังสือ
ตามที่คณะกรรมการสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ได้จัดการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ซึ่งมีวาระเร่งด่วนพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการนำเข้ายางธรรมชาติจากต่างประเทศ (ตามหนังสือที่แนบมา) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2567 ที่มีการนำเข้าน้ำยางข้นในปริมาณสูงมากผิดปกติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เป็นที่ประจักษ์ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายไม่อนุญาตให้นำเข้ายางธรรมชาติจากต่างประเทศทุกชนิด และมีการดำเนินการอย่างเข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาคมเห็นด้วยและสนับสนุนอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมการสมาคมพิจารณารายละเอียดข้อมูลจาก หนังสือสถิติยางประจำปี 2567 ฉบับที่ 2 พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ของกองการยาง กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ส่งมาพร้อมนี้ โดยเฉพาะจากแผ่นที่ 1 ตารางที่ 1 (ผลผลิตยางธรรมชาติ) และแผ่นที่ 2 ตารางที่ 12 (ปริมาณการนำเข้ายางแยกประเภทตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542) กลับพบว่ากรมวิชาการเกษตรได้อนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้นจากต่างประเทศในปริมาณมากถึง 5,615 ตัน (เนื้อยางแห้ง) หรือประมาณ 9,358 ตันเศษ (น้ำยางข้น 60%) ต่อปี
การดำเนินการเช่นนี้ถือว่าขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสกัดกั้นยางเถื่อน แต่ในทางกลับกันกลับอนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้นจำนวนมหาศาล ภายใต้ข้ออ้างว่าเป็น น้ำยางข้นสูตรเฉพาะที่ทางผู้ผลิตกำหนด ทั้งที่ประเทศไทยมีนักวิจัยและนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะพัฒนาสูตรพิเศษต่าง ๆ ได้เอง ซึ่งไม่เกินขีดความสามารถของกรมวิชาการเกษตร สมาคมจึงคิดว่านี่อาจเป็นเพียงข้ออ้างของผู้ประกอบการเหล่านี้ เพื่อนำเข้ายางข้นจากต่างประเทศที่ราคาถูกกว่าในประเทศไทย และเป็นเพียงน้ำยางข้นทั่วไปที่ผู้ประกอบการไทยผลิตอยู่แล้ว
การที่กรมวิชาการเกษตรยังคงอนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้นจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำยางข้นที่ซื้อภายในประเทศ กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ราคายางพาราในประเทศ และทำให้เกษตรกรชาวสวนยางต้องแบกรับภาระการขายยางที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตอยู่ขณะนี้ แต่กลับให้มีการนำเข้ายางจากต่างประเทศมาอย่างถูกกฎหมายและได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการยางไทยไม่สามารถอยู่รอดได้
เพราะต้องซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยางในราคาสูงกว่าตามนโยบายของรัฐบาล และอาจนำไปสู่การล่มสลายของอุตสาหกรรมยางไทยในที่สุด และจะกระทบเป็นลูกโซ่อย่างรุนแรงต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในอนาคตอย่างแน่นอน
อนึ่ง พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 มาตรา 5 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และ มาตรา 11 บัญญัติให้มีคณะกรรมการควบคุมยางคณะหนึ่ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นเลขานุการ มาตรา 26 ยังระบุว่า ผู้ใดจะนำยางเข้ามาในหรือส่งยางออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นผู้นำยางเข้าหรือผู้ส่งยางออกจากผู้อนุญาต ผู้เกี่ยวข้องเหล่านี้ควรให้ความเอาใจใส่ให้มากกว่านี้
ทางสมาคมไม่มั่นใจว่าในรอบครึ่งปีที่ผ่านมานี้จะมีตัวเลขการนำเข้าน้ำยางข้นจากต่างประเทศมากขึ้นมหาศาลเท่าไร เพราะจากที่ได้สอบถามผู้ประกอบการน้ำยางข้น ทราบว่าขายน้ำยางข้นได้ยากมาก หลายโรงงานเริ่มปิดตัวเอง หรือชะลอการซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรชาวสวนยางแล้ว
ดังนั้น ทางคณะกรรมการสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยจึงขอเรียนสอบถามถึงนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการบริหารจัดการและควบคุมการนำเข้ายางพารา เพื่อให้สมาคมสามารถนำคำตอบไปชี้แจงต่อสมาชิกเกษตรกรชาวสวนยางที่กำลังประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ |