วงการ น้ำยาง ซึ่งมันจะมีช่วงซีซั่น ขึ้น ๆ ลง ๆ มีกลไกเรื่องของราคาเข้ามาเป็นปัจจัยต่อต้นทุนและการแข่งขัน แต่ที่น่าสนใจ คือ วัฏจักรของยางค่อนข้างยาว ตั้งแต่ต้นน้ำ (น้ำยาง) กลางน้ำ (ยางแท่ง ยางแผ่น) ปลายน้ำ (ล้อรถถุงมือยาง) ซึ่งล้วนสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย
ประชาชาติธุรกิจ ได้สัมภาษณ์ นายนวพงศ์ สรโชติ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ได้ฉายภาพให้เห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยเองเป็นที่น่าภูมิใจไม่น้อย เพราะทุกกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เกิดขึ้นในประเทศทั้งหมด และที่น่าแปลกใจคือ ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แต่ยางล้อรถแบรนด์ไทยก็ยังขายดี
ถุงยาง 3 เดือนแรกโต 10% ยางก็จะมี 3 ระดับ ถ้าดูที่ต้นน้ำ ก็คือ น้ำยาง ซีซั่นของผลผลิตอยู่ที่ฟ้าฝน ถ้าฝนดี น้ำยางก็ดี ขายได้มาก หากเป็นหน้าร้อน น้ำยางไม่ออก ยอดขายก็ไม่ดี มันก็แปรผันตามสภาพอากาศ ในส่วนของอุตสาหกรรมกลางน้ำ เราจะคล้าย ๆ กับพวกโรงสีข้าว จะหยุดตามต้นน้ำ เมื่อไหร่ที่มีน้ำยางออก เราก็ผลิตเดินเครื่องได้เลย ส่วนอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งสามารถผลิตอะไรได้หลายอย่าง อย่างพวกยางรถยนต์ ยางล้อ อันนี้ไม่มีซีซั่น อย่างเวลาคนจะเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาล ปรากฏว่ามันมีการดูแลสภาพรถก่อนเดินทาง นั่นก็คือคนจะเปลี่ยนยางกันมากในช่วงก่อนเทศกาล ทำให้เห็นตัวเลขว่า ช่วงก่อนที่จะมีเทศกาลวันหยุดยาว มักจะมียอดขายดี แต่หลังจากเทศกาล แน่นอนว่าคนหมดเงิน ยอดขายก็จะไม่ค่อยคึกคัก
แต่ถ้าในส่วนของถุงมือยาง เราผลิตได้เยอะมาก ยอดขายดี รวมถึงถุงมือยางที่ใช้ทางการแพทย์ และมันก็มีสถิติที่น่าสนใจว่า ปีนี้ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมที่ผ่านมา เราเห็นอัตราการเติบโตของถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น 10% เราเข้าใจว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงวาเลนไทน์ แต่มันแปลกตรงที่ก่อนหน้านี้เราก็ไม่เคยเก็บสถิติกันอย่างจริงจัง แต่พอมาปีนี้ เราเก็บสถิติ เห็นอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
ยางล้อขายดีแม้เศรษฐกิจซบ กลับมาที่ยางรถยนต์ ยางล้อ ซึ่งเราก็รู้ว่าสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศและส่งออกไม่เป็นไปตามเป้าและลดลงอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้รับผลกระทบอะไร หรือโดนน้อยมาก แต่นั่นคือในส่วนของรถใหม่ป้ายแดง แต่อย่าลืมว่าเรายังมีตลาดรถเก่าอยู่อีกจำนวนมาก เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังคงเห็นรถเก่าที่ยังต้องมีการบำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลา เวียนกันตลอดทั้งปี คนผลิตยางล้อเขาก็ผลิตส่งให้กับค่ายรถได้ตลอด อย่าไปมองแค่ยอดขายรถยนต์ที่เป็นป้ายแดงเท่านั้น ในทางกลับกัน เศรษฐกิจไม่ดีเกิดสถานการณ์แบบนี้ เรากลับเห็นว่าคนไทยเริ่มปรับมาใช้ยางที่ผลิตในประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นแบรนด์ของไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากแบรนด์ไทยมีราคาถูกกว่าแบรนด์ต่างประเทศในคุณภาพที่ดี
ปัจจุบันผู้ผลิตทุกยี่ห้อก็ผลิตในไทย แต่พฤติกรรมคนใช้ค่อนข้างเทมาที่สินค้าไทย เพราะอย่างสินค้าจีน อาจจะกังวลเรื่องความปลอดภัย ถ้าเป็นของญี่ปุ่นหรือของยุโรปมาตรฐานสูง แน่นอนว่าราคาก็จะสูงไปด้วย นอกจากนี้ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เรายังพบว่าผู้ใช้รถยังมีพฤติกรรมยืดอายุยางออกไป เช่น จากเดิมที่ต้องเปลี่ยนยางตามระยะ 6,000 หรือ 10,000 กม. หรือภายใน 3 ปี ก็จะขยายระยะออกไปอีก 4 ปี 5 ปี
วอนรัฐช่วยส่งเสริมถุงมือยาง อุตสาหกรรมยางค่อนข้างที่จะโตแบบทรงตัวอยู่แล้ว แต่ในส่วนของภาครัฐเอง เราอยากให้ช่วยส่งเสริม อย่างที่เคยบอกว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปอเมริกา รัฐต้องช่วยให้ตรงเป้า หรือจะยกตัวอย่างให้ชัดเจนกว่านี้ อย่างเช่น ในอดีตถุงมือยางหากใช้ในทางการแพทย์ บางคนอาจจะแพ้โปรตีนจากน้ำยาง ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้ทำการพัฒนาโดยใช้ยางสังเคราะห์มาเป็นตัวส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ทุกวันนี้ยางที่ใช้ทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นยางสังเคราะห์เท่านั้น แต่ในความจริงแล้วเรามีการวิจัยและพัฒนาเรื่องเกี่ยวกับน้ำยาง ซึ่งทำให้ไม่มีอาการแพ้จากยางธรรมชาติ ดังนั้นภาครัฐเองควรจะต้องส่งเสริมอย่างจริงจัง
ตอนนี้ในตลาดมีถุงมือยางอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ ถุงมือยางธรรมชาติ กับถุงมือยางสังเคราะห์ ซึ่งฝั่งแพทย์ในต่างประเทศยังนิยมใช้ถุงมือยางสังเคราะห์เป็นหลัก ทางกลุ่มจึงอยากเสนอให้ภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาช่วยสนับสนุนหรือทำโรดโชว์ร่วมกัน เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการต้องรับภาระในการทำการตลาดเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน โปรโมต หรือสร้างความเข้าใจกับผู้ใช้งาน
ชี้ยางไทยคุณภาพดีราคาสูง ในส่วนการลงทุนเอง ปัจจุบันเราอาจจะยังไม่เห็นการลงทุนใหม่ หรือมีค่อนข้างน้อย เพราะตั้งแต่นโยบายทรัมป์ 1.0 ทำให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนจำนวนมาก บวกกับในประเทศไทยเองมีการส่งเสริมการปลูกยาง ทำให้ซัพพลายมันเพียงพอแล้ว ตอนนี้เราก็จะเริ่มเห็นการพัฒนาโปรดักต์ใหม่มากขึ้น มูฟเมนต์การลงทุนไม่ได้หายไปไหน มาตอนนี้ซัพพลายมันเริ่มล้นตลาด ราคาน้ำยางก่อนโควิด 200 บาท/กก. ตอนนี้ลดลงแล้ว ผู้ประกอบการเขาก็ปรับตัวกันได้
สำหรับสถานการณ์ปี 2568 อย่างต้นน้ำ เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างดี เรามีซัพพลายเพียงพอใช้ในประเทศ น้ำยางของไทยและพวกโปรดักต์ต่าง ๆ ได้รับคำชมจากต่างประเทศว่า มีคุณภาพที่ดีและเป็นที่ยอมรับ แต่เพราะเป็นของดี ราคาสูงเราอาจเจอการแข่งขันที่สู้ได้ยาก เพราะถ้าเทียบกับของเวียดนาม คุณภาพไม่สูงมาก แต่ราคาเขาถูกกว่าของไทย
ในส่วนของกลางน้ำยังปรับตัวได้ ส่วนใหญ่ก็ส่งออกไปต่างประเทศ ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าในประเทศ มีโอกาสโตได้อยู่ตลอดเวลา เราผลิตของได้ตรงกับที่ตลาดต้องการ ในคุณภาพที่ดีและราคาไม่แพงมาก
ยอดผลิต มี.ค.โต แต่ส่งออกลด เดือนมีนาคม 2568 จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมจะเห็นได้ว่า ปริมาณการผลิตยางแผ่นอยู่ที่ 34,247 ตัน เพิ่มขึ้น 34.86% เป็นในส่วนของยางแท่ง 232,767 ตัน เพิ่มขึ้น 6.58% และถ้าเป็นในส่วนของการจำหน่ายยางแผ่นจะอยู่ 7,601 ตัน ลดลง 13% ยางแท่ง 59,523 ตัน เพิ่มขึ้น 3.15%
ส่วนภาพรวมมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางของไทย ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบว่า ปัจจุบันไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ยางหลายประเภท ในเดือนมีนาคม 2568 มีมูลค่า 958.16 ล้านบาท เป็นยางล้อ 667.14 ล้านบาท ลดลง 2.41% ถุงมือยาง 121.14 ล้านบาท ลดลง 4.89% ท่อยาง 28.73 ล้านบาท ลดลง 5.9% ยางยืด 26.73 ล้านบาท ลดลง 2.81% ถุงยางอนามัย 23.89 ล้านบาท ลดลง 5.04% สายพาน 10.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.18% และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ 80.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.85%
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ |