กรมวิชาการเกษตร สนธิกำลังทีมพญานาคราช กวาดล้างแก๊งลักลองยางเถื่อน สนองนโยบายรัฐมนตรีเกษตรฯ สกัดจับ“ยางเถื่อน” ทะลักจากเพื่อนบ้าน ยึดของกลางกว่า 900 กิโลฯ ชี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้มอบหมายให้ ปฏิบัติภารกิจตามนโยบายประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ การยางแห่งประเทศไทย หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช หน่วยงานความมั่นคง ปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในประเทศให้มั่นคงนั้น

นายอุดมพร เสือมาก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรระนอง ว่าพบการลักลอบนำยางพาราแผ่นดิบจากเมียนมาข้ามมายังฝั่งประเทศไทย จึงได้วางแผนดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดร่วมกับชุดปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชกรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดระนอง และสถานีตำรวจภูธรปากจั่น โดยพบผู้กระทำความผิดลักลอบลำเลียงยางพาราแผ่นดิบข้ามแม่น้ำกระบุรี บริเวณพื้นที่ หมู่ที่5 ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ขณะกำลังขนถ่ายยางพาราขึ้นรถกระบะ จำนวน 2 คัน

ในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ว่าเคยลักลอบขนยางพาราในลักษณะดังกล่าวมาแล้วจำนวน 5 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์พร้อมของกลางชั่งน้ำหนัก พบยางพาราแผ่นดิบ 905 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 63,350 บาท และได้ทำบันทึกการจับกุมพร้อมส่งมอบของกลางให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากจั่น เพื่อดำเนินคดีในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต่อไป

ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 มาตรา 52 ผู้ใดนำยางเข้ามาในหรือส่งยางออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นผู้นำยางเข้าหรือผู้ส่งยางออกตามมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกรมวิชาการเกษตรจะดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้ายางพาราอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ