ตลาดหุ้นสหรัฐ ลดลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหลังจากที่ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานตึงตัวทำให้มีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะรักษาเส้นทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและส่งผลให้เกิดความผิดพลาดทางการเมืองที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยได้
รายงานจากกระทรวงแรงงานระบุว่า การเรียกร้องสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าเฟดจะพยายามยับยั้งความต้องการแรงงานก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนจับตามองสัญญาณการอ่อนตัวของตลาดแรงงานว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดชะลอการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น
ข้อมูลอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการผลิตในภาคกลางฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกกลับมาอยู่ในระดับต่ำอีกครั้งในเดือนมกราคม ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าภาวะถดถอยของตลาดที่อยู่อาศัยยังคงดำเนินต่อไป
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 119.6 จุด หรือ 0.36% เหลือ 33,177.36 จุด ส่วน S&P 500 (:SPX) ลดลง 13.93 จุด หรือ 0.35% เหลือ 3,914.93 จุด และ Nasdaq Composite (.ICIC) ลดลง 60.48 จุด หรือ0.55% เหลือ 10,896.53 จุด
ด้านราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความต้องการของจีนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดได้ตัดการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันจากสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.5% เป็น 86.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 13.20 น. EST (1820 GMT) และราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.3% เป็น 80.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% โดยได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอทอง Spot พุ่งขึ้น 1.1% สู่ระดับ 1,924.09 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเวลา 01:52 น. ET (1852 GMT) ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ 1,929 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันจันทร์โกลด์ฟิวเจอร์สของสหรัฐตกลง 0.9% ที่ 1,923.9 ดอลลาร์
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ |