เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศเผยผลเจรจาโรงงานจีนเตรียมนำร่องซื้อยางโดยตรงจากเกษตรกร 300 ตัน ผ่านทางลุ่มแม่น้ำโขงเข้าทางยูนนาน ลดอัตราภาษีจาก 20% เหลือ 0% ทำพ่อค้าจีนที่ซื้อยางจากภาคใต้ของไทยผ่าน 6 ด่าน ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือกรุงเทพ-ด่านปาดังเบซาร์-ด่านสะเดา-ด่านสงขลา-ด่านเบตง กังวล แบกภาระภาษีอ่วม 7,500 บาท/ตัน
นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกยางพาราไปจีนต้องเสียภาษีนำเข้า 20% แต่ล่าสุดในการประชุมเจรจาทวิภาคีไทย-จีนที่ผ่านมามีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่โรงงานจีนจะทดลองซื้อยางจากเกษตรกรไทยโดยตรง 300 ตัน ผ่านทางเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ เป็นโครงการนำร่องขนส่งผ่านทางลุ่มแม่น้ำโขงล่องเรือไปทางเชียงของ จ.เชียงราย โดยให้อัตราภาษี 0% เช่นเดียวกับประเทศเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งตอนนี้ทางตัวแทนที่มาเจรจาอยู่ระหว่างหารือกับทางรัฐบาลจีน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเร็ว ๆ นี้
ปกติการส่งออกยางของไทยจะผ่านทางผู้ประกอบการส่งออก ที่ผ่านมาบางส่วนมีการส่งอ้อมไปผ่านทาง สปป.ลาว เพื่อให้ได้อัตราภาษี 0% ซึ่งตัวแทนจีนที่มาคุยก็เข้าใจ และกำลังไปคุยกับทางการของจีนว่า สปป.ลาวไม่ได้มียางมากเหมือนไทย หากไทยส่งตรงไปจีนได้ในอัตราภาษี 0% จะได้ไม่ต้องส่งอ้อมผ่าน สปป.ลาว ก็คุยกันตรง ๆ
นายธีระชัยกล่าวต่อไปว่า ทางการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถส่งออกเองได้โดยตรงไม่ต้องผ่านพ่อค้า โดยรวมตัวกันในนามของกลุ่มสหกรณ์ หรือสถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพส่งออกเองได้จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ถูกหักค่าหัวคิว เช่น สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ ในการหารือกับจีนมีความเป็นไปได้ที่จะลดภาษีให้ ซึ่งต้องมีการติดตามกันอย่างใกล้ชิด คิดว่าไม่น่ามีปัญหา
นายธีระชัยกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ มีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ แต่สมาชิกส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หากเกษตรกรทางภาคใต้ต้องการส่งออกรวมกับทางเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศสามารถส่งยางมารวมกันได้ แต่ต้นทุนค่าขนส่งอาจจะไม่คุ้มเมื่อเทียบกับยางจากภาคเหนือใกล้สุด
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางส่งออกรายใหญ่เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มผู้ส่งออกไทย และกลุ่มผู้นำเข้าจีนกังวลกรณีที่ทางการจีนและเกษตรกรของไทยบางส่วนได้มีการเจรจาขอลดภาษียางพาราจาก 20% ให้เหลือ 0% ในการส่งออกไปประเทศจีน ผ่านลุ่มแม่น้ำโขงผ่านทาง สปป.ลาว เข้ามณฑลยูนนานเขตปกครองตนเอง เช่นเดียวกับยางจากประเทศเมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว
โดยผู้ประกอบการยางจีนมีความกังวลเกี่ยวกับยางพาราที่ส่งออกผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง 2.ท่าเรือกรุงเทพ 3.ด่านปาดังเบซาร์ 4.ด่านสะเดา อ.สะเดา 5.ด่านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา และ 6.ด่านเบตง อ.เบตง จ.ยะลา รวม 6 ด่าน ว่าได้มีการเจรจากับประเทศจีนเหลือ 0% เหมือนกับยางที่ผ่านลุ่มน้ำโขงทางภาคเหนือหรือไม่ เพราะหากภาษีเหลือ 0% ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางจีนจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าที่มีประมาณ 1,500 หยวน/ตัน และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กว่า 20 % ต่อตัน จะไม่มีการยกเว้นจะต้องเสียให้รัฐบาลจีน
ที่ผ่านมาผู้ประกอบการจีนนำเข้ายางจากทางภาคใต้ของไทยกว่า 60% ทั้งน้ำยางข้น ยางรมควัน ยางแท่ง เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ล้อยาง ฯลฯ ทางภาคใต้ถือเป็นแหล่งที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ 4-5 บริษัทที่ส่งออกตลาดโลก ส่วนทางภาคอีสาน ภาคเหนือจะเป็นยางก้อนถ้วย ยางแท่ง เป็นหลัก โดยปกติการส่งออกนำเข้ายางจาก 6 ด่านดังกล่าว จะต้องเสียภาษีประมาณ 1,500 หยวน/ตัน หรือประมาณ 7.50 บาท/กก. ยังไม่รวมภาษีแวตกว่า 20% จะคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,500 บาท/ตัน จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตยางจะต่างกันกับยางที่ส่งออกผ่านกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง แหล่งข่าวกล่าวและว่า
แหล่งข่าวจากโรงงานแปรรูปรายใหญ่ในภาคใต้เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ประเด็นหลักคือจีนต้องการยางไทย เพราะมีคุณภาพอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะยางแผ่นดิบกับยางรมควัน หากเทียบกับยางประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน โดยจีนได้มีการตรวจสอบถึงคุณภาพยางไทย หากยางไทยจำนวน 1 ตัน ได้เกรดพรีเมี่ยม 500 กก. ในขณะที่ยางประเทศอื่นได้ตั้งแต่ 300-450 กก. จีนจึงมีความต้องการยางไทยเป็นตัวหลักเพื่อนำไปเป็นสารตั้งต้นประกอบกับยางประเทศอื่น ๆ ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
ดังนั้น ผู้ประกอบการภาคเอกชนจีนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์ดี ผลประกอบการมีกำไร ทางรัฐบาลจึงให้การสนับสนุน โดยจะมีการจัดสรรปันส่วนกำไรกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน และปัจจุบันจีนได้ลงทุนโรงงานอุตสาหกรรมยางในประเทศ สปป.ลาว ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง แต่ละแห่งมีมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท
ดังนั้น ภาคเกษตรกรยางน่าจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อส่งออกให้ได้ลอตขนาดใหญ่ส่งออกไปทางภาคเหนือไปยังมณฑลยูนนาน โดยต้นทุนค่าขนส่งประมาณ 2.50 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม หากภาษีเป็น 0% หรือเท่ากับไม่ต้องเสียประมาณ 1,500 หยวน/ตัน จะเกิดส่วนต่างให้เกษตรกรขายได้ราคาดีขึ้น เพราะต่อไปโรงงานไม่มากดราคากับเกษตรกรสวนยาง เพราะไม่ต้องเสียภาษี
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ |