กยท. นำคณะผู้แทนอุตสาหกรรมยางมาเลย์ ลุยสวนสาธิตโฉนดต้นยางชูต้นยางเป็นสินทรัพย์ สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนประกอบอาชีพ
(5 ส.ค. 67) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำโดย นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. นำคณะผู้บริหาร - ผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมยางมาเลเซีย ลงพื้นที่ดูสวนยางสาธิตโครงการโฉนดต้นยางพารา จ.สงขลา โชว์เปลี่ยนต้นยางให้เป็นหลักประกันสินเชื่อ สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ต่อยอดการประกอบอาชีพการทำสวนยางยั่งยืน
นายสุขทัศน์ กล่าวว่า การนำคณะผู้แทนฯ จากมาเลเซีย ลงพื้นที่ในจังหวัดสงขลา เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้ “โครงการกิจกรรมทางธุรกิจและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าไทย – มาเลเซีย” โดย กยท. ได้นำชมสวนยางสาธิตแสดงความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการโฉนดต้นยางพารา ซึ่งรัฐบาลไทยตั้งใจส่งเสริมและสนับสนุนให้อาชีพปลูกยางพารามีความยั่งยืนทางรายได้ นอกเหนือจากรายได้ที่ได้รับผ่านการจำหน่ายผลผลิตแล้ว ต้นยางที่เกษตรกรปลูกยังสามารถแปลงเป็นหลักประกันเป็นทุนสำหรับการประกอบอาชีพการทำสวนยาง โดยใช้โฉนดต้นยางพาราเป็นเอกสารประกอบการขอรับบริการสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ให้บริการ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญและต้องการให้เกษตรชาวสวนยางทุกกลุ่มได้รับสิทธิ์ดังกล่าวเท่าเทียมกัน กยท. ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลยางพาราตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยางไทย จึงผลักดันโครงการโฉนดต้นยางพารา (Rubber Deed Project) บรรจุต้นยางพาราให้เป็นไม้ชนิดหนึ่งในระบบค้ำประกันเงินกู้
“การทำโฉนดต้นยางพารา นอกจากสามารถช่วยในการคำนวณปริมาณเนื้อไม้แล้ว การนำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เข้ามาใช้ในการตรวจนับจำนวนต้น และพิกัดที่ตั้งของต้นยาง เพื่อใช้ในการประเมินเป็นมูลค่าของต้นยาง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เองที่สามารถเชื่อมโยงการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เป็นแหล่งรายได้ให้ชาวสวนยางอีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งตอบสนองเป้าหมายของไทยเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ซึ่งยางพาราเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เป้าหมายดังกล่าวสำเร็จได้” รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติม
ที่มา : การยางแห่งประเทศไทย
|