สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานวันนี้ (17 ก.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ของจีน ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 6.3% จากปีที่แล้ว ผิดจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานตัวเลข GDP ของจีน ไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 6.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเติบโตจากไตรมาสแรก 0.8% แต่เติบโตช้ากว่าอัตรา 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสต่อไตรมาส สวนทางนักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย Reuters ซึ่งคาดการณ์ว่า GDP ไตรมาสที่ 2 ของจีนจะเพิ่มขึ้น 7.3%
ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.4% จากปีที่แล้ว ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.7% ขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.1% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.2% ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 3.8% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.5% ส่วนอัตราการว่างงานของคนในเมืองในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 5.2%
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีน ประกาศยุติมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงแรก โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ประสบปัญหาในการฟื้นตัว ในขณะที่การส่งออกก็ลดลงเนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกลดลง
ขณะที่ภายในประเทศ ความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI ในเดือนมิ.ย.ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยธนาคารกลางจีน กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค CPI จะลดลงในเดือนก.ค. แต่อัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้จะกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้
ขณะที่การเดินทางในประเทศ กลับมามีแนวโน้มสดใสในการฟื้นตัวอีกครั้ง โดยประชาชนชาวจีน ใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงครึ่งแรกของปีเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็น 1.98 ล้านล้านหยวน (2.80 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามรายงานข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของชาวชนบท เพิ่มขึ้นเพียง 40%
ข้อมูลของทางการจีน เปิดเผยว่า ยอดรวมการใช้จ่ายในครึ่งปีแรก อยู่ที่ 2.3 ล้านล้านหยวน น้อยกว่าที่รายงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ก่อนเกิดโรคระบาด ซึ่งอยู่ที่ 2.78 ล้านล้านหยวน
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลจีนกล่าวว่า จะขยายมาตรการสนับสนุนทรัพย์สิน การสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับการส่งออก รวมไปถึงประกาศขยายเวลาลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยการประชุมโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้ อาจให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ
ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=MFh1ZGhMRGk1b1U9 |